เรซิ่นเอสเจตัวจริงเรื่องเรซิ่น มาตลอด 30 ปี

โทร :
, 02-379-4555
, 02-379-4575

เรซิ่นเอสเจตัวจริงเรื่องเรซิ่น มาตลอด 30 ปี

วิธีแก้ปัญหา FRP Lining ไม่ได้มาตรฐาน

บทความนี้จะเจาะลึกถึงปัญหาที่พบบ่อย สาเหตุ และวิธีการแก้ไขอย่างถูกวิธี เพื่อให้ถังเก็บน้ำของคุณปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนาน

แก้ปัญหาถังเก็บน้ำ FRP โป่งพอง เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร

การทำ FRP Lining (Fiber Reinforced Plastic Lining) หรือการเคลือบผิวด้วยไฟเบอร์กลาสและเรซิ่น เป็นวิธีที่นิยมใช้เพื่อป้องกันการรั่วซึมและเพิ่มความทนทานให้กับถังเก็บน้ำ แต่หากทำไม่ถูกวิธี อาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับถังเก็บน้ำที่ใช้กับอาหาร

ปัญหาที่พบบ่อยในงาน Lining FRP: บทเรียนจากหน้างานจริง

ในการทำ Lining FRP (Fiber Reinforced Plastic) เพื่อเคลือบผิวถังเก็บน้ำคอนกรีตนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องโครงสร้างและยืดอายุการใช้งาน โดยเฉพาะถังที่ใช้บรรจุน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคหรืออุตสาหกรรมอาหาร ประสบการณ์ตรงจากการให้คำแนะนำจากเรซิ่นเอสเจ ที่มักพบเจอและสร้างความกังวลให้กับเจ้าของงานอยู่บ่อยครั้ง สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. การเลือกใช้วัสดุผิดประเภท 

ผู้รับเหมาบางรายอาจเลือกใช้ เรซิ่นเกรดไฟเบอร์กลาสทั่วไป ในการทำ Lining ทับของเดิม แทนที่จะใช้ ไวนิลเอสเตอร์เรซิ่นเกรด Food Grade ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารและน้ำดื่ม ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งาน

  • ปัญหาการโป่งพอง

เมื่อเวลาผ่านไป ผิว Lining อาจเกิดการ โป่งพอง เป็นฟองอากาศ มองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการยึดเกาะที่ไม่สมบูรณ์

  • การกลบเกลื่อนร่องรอยด้วยสี

บางครั้งมีการผสมสีลงไปในเนื้อเรซิ่นเพื่อปกปิดร่องรอยการทำงานที่ไม่เรียบร้อย ทำให้ยากต่อการตรวจสอบด้วยสายตา เมื่อลองเคาะดูก็อาจได้ยินเสียงกลวงๆ บ่งบอกถึงการมีโพรงอากาศภายใน

  • ความผิดพลาดจากกระบวนการทำงาน

เช่น การผสมเรซิ่นผิดสัดส่วน ทำให้ไม่แห้งตัว หรือการใช้วัสดุอื่น เช่น อีพ็อกซี่เรซิ่น มาอุดโป๊วช่องว่าง ทำให้เกิดรอยด่างดำบนพื้นผิว

เรซิ่น คืออะไร

สาเหตุหลักของปัญหาการทำ FRP Lining ไม่ได้มาตรฐาน

ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีสาเหตุหลักมาจากความเข้าใจและวิธีการทำงานที่ไม่ถูกต้อง:

1. การเลือกชนิดเรซิ่นไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์

เรซิ่นแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สำหรับถังเก็บน้ำที่ใช้กับอาหาร ไวนิลเอสเตอร์เรซิ่น เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด เนื่องจากมีความทนทานต่อสารเคมีสูงและได้รับการรับรองว่าปลอดภัยเมื่อสัมผัสกับอาหาร การเลือกใช้เรซิ่นผิดประเภท แม้ว่าค่าแรงและค่าใยแก้ว วัสดุร่วมอื่นๆจะเท่ากัน ก็อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยากในภายหลัง

2. ความเข้าใจในการผสานงานคอมโพสิตไม่เพียงพอ

หัวใจสำคัญของงาน FRP Lining คือการผสานใยแก้วกับเรซิ่นให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ:

  • เรซิ่นซึมซับไม่ทั่วถึงและมีฟองอากาศ: ความแข็งแรงของ FRP Lining ขึ้นอยู่กับว่าเรซิ่นสามารถซึมซับเข้าไปในใยแก้วได้อย่างทั่วถึงและไล่ฟองอากาศออกไปได้หมดหรือไม่ ฟองอากาศที่หลงเหลืออยู่ในเนื้อวัสดุจะกลายเป็นจุดอ่อน ทำให้โครงสร้างเปราะบางและไม่แข็งแรง
  • แรงดันน้ำทำให้เกิดการโป่งพอง: เมื่อมีการบรรจุน้ำลงในถัง แรงดันน้ำจะสามารถแทรกซึมเข้าสู่โพรงอากาศหรือช่องว่างที่เกิดจากการไล่ฟองอากาศไม่ดีพอ แรงดันน้ำนี้จะดันให้ชั้น Lining เกิดการโป่งพอง กระเทาะ หรือร่อนออกจากผิวคอนกรีตเดิม

3. การปกปิดปัญหาด้วยการผสมสี

การผสมสีทึบแสงลงไปในเรซิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่จะไล่ฟองอากาศออกไปให้หมด อาจเป็นการตั้งใจหรือไม่ตั้งใจที่จะปกปิดรอยตำหนิหรือโพรงอากาศ ทำให้ตรวจสอบด้วยตาเปล่ายากขึ้น วิธีสังเกตคือการเคาะเบาๆ หากได้ยินเสียงกลวงๆ อาจบ่งชี้ว่ามีโพรงอากาศซ่อนอยู่ภายใน

4. ความผิดพลาดในการซ่อมแซมและการเลือกใช้วัสดุเสริม

เจ้าของงานยังแจ้งว่าในระหว่างการทำงาน มีการพยายามแก้ไขส่วนที่ติดตั้งแผ่นไฟเบอร์กลาสไม่ดีหรือมีโพรงด้านหลัง ด้วยการตัดต่อแผ่นและใช้อีพ็อกซี่เรซิ่นโป๊วปิด แต่กลับพบว่ามีการผสมอีพ็อกซี่ผิดสัดส่วน ทำให้อีพ็อกซี่ไม่แห้งและต้องขูดออก ทิ้งไว้ซึ่งรอยด่างดำบนผิวงาน

5. ปัญหาเรซิ่นแห้งช้าผิดปกติ

การที่เรซิ่นใช้เวลานานถึง 3 สัปดาห์กว่าจะแห้งแข็งขึ้น และต้องใช้ไฟสปอร์ตไลท์ช่วยอบ บ่งชี้ถึงปัญหาในการผสมสารเร่งปฏิกิริยา (Hardener) หรือการเลือกชนิดของเรซิ่นที่ไม่เหมาะสมกับสภาพอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมหน้างาน

6. สัญญาณปัญหาที่มองเห็นได้และสัมผัสได้

นอกจากรอยด่างดำจากการซ่อมแซมแล้ว ยังมีจุดที่โป่งพองอย่างชัดเจน (ตามที่เจ้าของงานวงไว้ด้วยสีแดง) และจุดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการเคาะแล้วได้ยินเสียงกลวงๆ

วิธีแก้ไขปัญหาและการทำ Lining FRP ใหม่ให้ได้มาตรฐาน

เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและสร้างถังเก็บน้ำที่ปลอดภัย มั่นคง และได้มาตรฐานสำหรับใช้กับอาหาร จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนอย่างพิถีพิถันดังนี้

1. การเตรียมพื้นผิว

  • Clear พื้นที่ที่มีปัญหา: อาจต้องใช้เครื่องมือหนัก เช่น เครื่องเจียร หรือเครื่องขัด เพื่อตัด เจียร และขัดชั้น FRP เดิมที่เสียหายและโป่งพองออกไปจนหมดอย่างละเอียด เพื่อให้เหลือแต่พื้นผิวปูนคอนกรีตเดิมที่สะอาด แข็งแรง และพร้อมสำหรับการทำ Lining ใหม่

2. วัสดุที่จำเป็นสำหรับการทำ Lining FRP (สำหรับพื้นที่ 25 ตร.ม.)

การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงและเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญ:

  • ไวนิลเอสเตอร์เรซิ่น (เกรด Food Grade): (ต้องมั่นใจว่าเป็นเกรดที่ใช้กับอาหารได้)
  • ตัวเร่ง (Hardener): (สำหรับเร่งปฏิกิริยาการแข็งตัวของเรซิ่น)
  • ใยแก้วเบอร์ 450: 1 ม้วน (เพียงพอสำหรับการทำ 2 ชั้น)
  • โมโนสไตรีน (Monomer Styrene): (ใช้ผสมเพื่อปรับความหนืดของเรซิ่นให้ทำงานง่ายขึ้น แต่ต้องระวังไม่ใส่มากเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อ Lining บางลง)
  • โมโนแว็กซ์ (Monomer Wax): (ใช้ผสมในชั้น Top Coat เพื่อให้ผิวงานแห้งสนิท ไม่เหนียวเหนอะหนะ)
  • อาซีโทน (Acetone): สำหรับเช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องมือและคราบเรซิ่น
  • หลอดหยด: สำหรับตวงตัวเร่งในปริมาณที่แม่นยำ
  • ลูกกลิ้งขนแกะ: สำหรับทาเรซิ่น ลูกกลิ้งทาสีอาจไม่ซับเรซิ่นได้ดีเท่า 
  • ลูกกลิ้งขนหมู: สำคัญมาก สำหรับไล่ฟองอากาศออกจากชั้นใยแก้วและเรซิ่น
  • ลูกกลิ้งเหล็ก: สำหรับกลิ้งเก็บงานให้เรียบเนียน
  • ผงทัลคัม (Talcum Powder): สำหรับผสมในชั้น Top Coat เพื่อเพิ่มเนื้อสี มีความทึบแสง
  • สีผสมชนิดทึบแสง: สำหรับผสมในชั้น Top Coat เพื่อความสวยงาม

3. ขั้นตอนกระบวนการติดตั้ง Lining FRP

การทำ Lining FRP ที่มีคุณภาพต้องทำตามขั้นตอนอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการไล่ฟองอากาศ:

  • 1. ชั้นรองพื้น (Primer Coat):
    • ผสมไวนิลเอสเตอร์เรซิ่นกับตัวเร่งในสัดส่วนที่เหมาะสม 100/2%+-  สามารถขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ ResinSJ
    • ทาเรซิ่นที่ผสมตัวเร่งแล้วลงบนพื้นผิวปูนคอนกรีตที่เตรียมไว้ให้ทั่วถึง
    • รอให้แห้งสนิทก่อนทำขั้นตอนต่อไป ระยะเวลาที่ถูกต้อง ควรประมาณ 1-4ชั่วโมง
  • 2. การปูใยแก้วและชั้นเรซิ่น (Laminating Layers):
    • ปูใยแก้ว: วางใยแก้วเบอร์ 450 ลงบนชั้นรองพื้นที่แห้งแล้ว อาจใช้ตะปูหรือเทปกาวเล็กน้อยช่วยยึดใยแก้วไม่ให้เคลื่อน
    • ผสมเรซิ่น: ผสมไวนิลเอสเตอร์เรซิ่นกับตัวเร่ง (และโมโนสไตรีนเล็กน้อยไม่เกิน5%หากต้องการให้เนื้อเรซิ่นเหลวขึ้น ) โดยให้ผสมในปริมาณที่สามารถทำงานให้เสร็จได้ภายใน 15 นาที เพื่อป้องกันเรซิ่นเซ็ตตัวก่อนเวลาที่กำหนด หากไม่พอค่อยผสมเพิ่ม
    • ทาและไล่ฟองอากาศอย่างละเอียด: ใช้ ลูกกลิ้งขนแกะ ทาเรซิ่นลงบนใยแก้ว พยายามออกแรงกดเพื่อให้เรซิ่นซึมซับเข้าสู่ใยแก้วให้ดีที่สุด
    • บทบาทสำคัญของลูกกลิ้งขนหมู: นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด! ใช้ ลูกกลิ้งขนหมู กดและรีดไล่ฟองอากาศทั้งหมดออกจากชั้นใยแก้วและเรซิ่นจนเนื้อใยแก้วใสและมองไม่เห็นฟองอากาศเลย
    • ทำซ้ำจำนวนชั้นที่ต้องการ: ทำซ้ำขั้นตอนการปูใยแก้วและทาเรซิ่นพร้อมไล่ฟองอากาศตามจำนวนชั้นที่ต้องการ (ใยแก้ว 1 ชั้น จะให้ความหนาประมาณ 1 มิลลิเมตร)
    • ข้อควรทราบ: หลังเรซิ่นไวนิลเซ็ตตัวแล้ว การสัมผัสอาจยังรู้สึกเหนียวเล็กน้อย (คล้ายรอยนิ้วมือติด) นี่เป็นเรื่องปกติของไวนิลเอสเตอร์เรซิ่น เพราะถูกออกแบบมาให้ยึดเกาะกับชั้นต่อไปได้ดี
  • 3. ชั้น Top Coat (เคลือบผิวหน้า):
    • ผสม ไวนิลเอสเตอร์เรซิ่น กับ ผงทัลคัม, สีผสมชนิดทึบแสง และ โมโนแว็กซ์  คนให้เข้ากันให้ดี  รอฟองอากาศลอยขึ้น จากนั้นจึงแบ่งผสม ตัวเร่ง ทำทันใน15นาทีเท่าไร ผสมเท่านั้น ไม่ควรผสมครั้งละมากเกินไป 
    • ทาชั้น Top Coat จำนวน 2 รอบ เพื่อให้ได้ผิวที่เรียบเนียน สวยงาม ไม่ด่าง และแห้งสนิทไม่เหนียวเหนอะหนะ

การทำ Lining FRP ที่มีคุณภาพต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเข้าใจในคุณสมบัติของวัสดุ และทักษะในการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง หากคุณกำลังวางแผนหรือมีปัญหาเกี่ยวกับงาน Lining FRP ไม่ว่าจะเป็นถังเก็บน้ำ หรือโครงสร้างอื่นๆ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างเรซิ่นเอสเจตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่างานจะออกมามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัยตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ อย่าลังเลที่จะติดต่อเรซิ่นเอสเจเพื่อขอคำแนะนำและวัสดุที่เหมาะสมสำหรับโปรเจกต์ของคุณ

Picture of ผู้เขียน: พี่นิ้ง ResinSJ
ผู้เขียน: พี่นิ้ง ResinSJ

พี่นิ้ง เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานเรซิ่น ซึ่งมากด้วยประสบการณ์งานคอมโพสิตทั้งหมด เช่น
งานไฟเบอร์กลาส งานคาร์บอน ไฟเบอร์ และงานซิลิโคน รวมทั้งการสร้างสรรค์ ผสมผสานวัตถุดิบ และเทคนิคเข้าด้วยกัน ซึ่งผ่านการเปิดคอร์สนับ 10 ครั้ง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี และมีคำขวัญที่ว่า "เฝ้าดูลูกค้าเติบโต"

สอบถามข้อมูลหรือสั่งซื้อติดต่อ

บริษัท เอสเจ สินธุพันธ์เทรดดิ้ง จำกัด

โทรศัพท์ : 02-379-4555 , 02-379-4575 , 02-379-4604

โทรศัพท์มือถือ : 088-299-0267 , 086-317-1747

Line ID : @resinsj

Facebook : เรซิ่น เอสเจลำสาลี

รอบจัดส่ง