ใยแก้ว ลาย2 [ ลาย Twill ]

ทั่วโลกรู้จักใยแก้วในฐานะของวัสดุที่ทนทานต่อแรงดึงสูง เมื่อเปรียบเทียบกับเส้นใยอื่น ๆ ทั้งยังมีรูปแบบเส้นใยที่แตกต่างตามลักษณะการผลิตชิ้นงาน

มีรูปร่างต่างกันไปหลายชนิด ตามลักษณะรูปแบบกายภาพ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับชิ้นงาน คุณสมบัติ และวิธีผลิตดังมีรายละเอียดดังนี้

–ทอเป็นระเบียบ (ใยผ้า ใยตาสาน ใยคาร์บอนไฟเบอร์)

–ใยเส้น ใยเส้นมาตัดเป็นเส้นสั้นๆ

–ทอไม่เป็นระเบียบ ( ใยแก้ว มีหลายความหนา ชนิดบางได้ความละเอียดเข้าซอกงานได้ดี แต่ไม่ได้ความหนา  แนะนำว่ามือใหม่หัดทำ ควรใช้ใยชนิดบาง เพราะการซึมเรซิ่นจะง่าย ไม่มีฟองอากาศด้านในชิ้นงาน )

ใยแก้ว ใยผ้า ใยตาสาน ต่างๆ เราเลือกใช้ตามความหนาที่ต้องการ น้ำหนักกรัมต่อตารางเมตร ให้งานที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนักกรัมต่อตารางเมตรน้อย จะเป็นผ้าชนิดบาง การทำงานง่าย เพราะบาง ทำให้ซึมซับเรซิ่นได้เร็ว เหมาะกับมือใหม่หัดทำ และงานส่วนที่มีซอกเล็กมาก จะได้เข้าซอกได้ดี ชิ้นงานแข็งแรง     ในทางกลับกัน ถ้าน้ำหนักกรัมต่อตารางเมตรมาก จะเป็นผ้าชนิดหนา การทำงานยาก เพราะเนื้อใยหนา ต้องใช้เวลานานกว่าจะซึมซับเรซิ่นทั่วถึง เหมาะกับช่างที่ชำนาญงานเรซิ่นแล้วมากกว่า  เหมาะกับหน้างานผิวเรียบที่ไม่มีซอกร่องเล็ก

เพราะหัวใจของการ ไฟเบอร์กลาสคอมโพสิทคือ การผสานเรซิ่นและเส้นใยแก้วให้รวมกันเป็น 1เดียว เป็นการสร้างชิ้นงานใหม่จากการผสานวัสดุ2ชนิดขึ้นไป การผสานได้ดี ไม่มีฟองอากาศทำให้เกิดความแข็งแรงตามคุณสมบัติเคมีที่เลือกใช้ได้สูงสุดค่ะ

เป็นตัวเสริมความแข็งแรงให้กับโพลีเอสเตอร์เรซิ่นไฟเบอร์กล๊าส เช่นเดียวกับเหล็กเส้นเสริมในงานคอนกรีต

หมายเหตุ. ใยแก้วเป็นวัตถุมีพิษ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถูกมือและผิวหนังจะคัน ขณะทำงานควรใช้ผ้าปิดจมูก และใส่เสื้อผ้าปกปิดผิวหนังส่วนต่างๆ  และ/หรือ ทาแป้งที่ผิวหนังป้องกันการคัน ซึ่งเกิดจากเศษใยแก้วทิ่มแทงเข้าในผิวหนังเรา

วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการขึ้นรูปงานไฟเบอร์กลาส โดยทั่วไปจะแบ่งประเภทใยแก้วดังนี้

A glass [ Alkali ]  ใช้สำหรับงานที่ต้องการทนสารเคมีเป็นด่าง

C glass [ Chemical ]  กันกรดและกัดกร่อน

E glass [ Electrical ]  สำหรับงานที่ต้องการรับแรง และเป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้า ทนความด่าง – กรด กัดกร่อน ซึ่งใยแก้วทางเอสเจ เน้นจำหน่ายแต่ของที่คุณภาพ E glass คุณภาพสูงสุด ป้องกันการกัดกร่อนจากสารเคมี ทั้งด่างและกรด…